อย่างที่ทราบกันดีว่า ประเทศไทยของเรานั้นนอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลายสวยงาม อาหารริมทางที่อร่อยที่สุดในโลก ก็ยังมีเรื่องการนวดไทยที่เป็นที่ยอมรับในวงการสปาเช่นกัน เพราะนอกจากการนวดเพื่อผ่อนคลายแล้ว นวดไทยยังช่วยรักษาอาการป่วยหลาย ๆ อย่างได้อีกด้วย ถือได้ว่าเป็นการนวดเพื่อสุขภาพ เพื่อบำบัดรักษา เพื่อป้องกันโรค และเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพ เหตุนี้นวดแผนไทยจึงกลับมาเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย และแน่นอนว่าจะคิดถึงที่ไหนไปไม่ได้นอกจากนวดวัดโพธิ์
วัดโพธิ์หรือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก และเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 ทั้งยังเป็นสถานที่ตั้งของพระพุทธไสยาส หรือที่เรียกกันว่าพระนอนวัดโพธิ์ จัดว่าเป็นพระนอนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ เป็นวัดที่มีเจดีย์มากถึง 99 องค์ นอกจากนี้จารึกวัดโพธิ์ยังได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก ในทะเบียนนานาชาติของยูเนสโกอีกด้วย รวมถึงเป็นจุดกำเนิดศาสตร์การนวดแผนไทยแบบโบราณ จนนวดวัดโพธิ์เป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก และที่สำคัญ “นวดไทย” ถูกประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมวลมนุษยชาติ The Intangible Cultural Heritage (ICH) ประจำปี 2562 โดยยูเนสโก
นวดไทยถือว่าเป็นศาสตร์การแพทย์แผนโบราณที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี โดยในสมัยกรุงศรีอยุธยา กรมแพทย์และกรมหมอนวดนั้น ถือได้ว่าเป็นกรมใหญ่ซึ่งต้องรับใช้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิด และสืบเนื่องมาถึงยุคสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้มีการรวบรวมตำรับยาต่าง ๆ ขึ้นเป็นครั้งแรก ส่วนใหญ่เป็นยาที่หมอหลวงใช้ถวายการรักษาและได้ผลดี เรียกว่า “ตำราพระโอสถพระนารายณ์” มีตำรับยาที่ใช้กับการนวดหลานขนานทั้งพระอังคบพระเส้น ยาทาพระเส้นแก้เมื่อย และในเชิงโครงสร้าง มีการจัดตั้งกรมหมอนวดมาจนถึงยุคกรุงรัตนโกสินทร์
โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) หรือที่เรียกกันติดปากว่าเรียนนวดวัดโพธิ์ เป็นโรงเรียนแพทย์แผนโบราณแห่งแรกที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ เริ่มจัดการเรียนการสอนนวดไทยตั้งแต่ปี 2505 เพื่อสืบทอดนวดแผนไทยตำรับวัดโพธิ์ มีหลักสูตรนวดไทยนวดเท้า กดจุดสะท้อนที่ฝ่าเท้านวดกดจุดแก้อาการตามจารึกนวดของวัดโพธิ์ นวดน้ำมันนวดผู้หญิง รวมถึงหลักสูตรวิชาชีพนวดไทยเทียบเท่าหลักสูตรผู้ช่วยแพทย์แผนไทยของกระทรวงสาธารณสุข
ปฏิเสธไม่ได้เลยสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการนวด มักคิดเสมอว่าเคยนวดมาก่อน จะนวดเมื่อไหร่ก็ได้..ไม่มีปัญหา แต่จริง ๆ แล้ว ในการนวดไม่ว่าจะเป็นนวดไทยหรือนวดผ่อนคลายตามจุดต่าง ๆ ก็มีข้อห้ามอยู่เช่นกัน โดยตัวผู้รับการนวดย่อมรู้ดีที่สุดว่าตนเองนั้นเข้าข่ายต้องห้ามหรือไม่ โดยข้อห้ามในการนวดนั้นมีอยู่ 7 ข้อใหญ่ ๆ คือ 1. ภาวะมีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด 2. บริเวณที่เป็นมะเร็ง 3. มีไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส 4. ผู้ที่เป็นโรคติดต่อ เช่น เอดส์ วัณโรค อีสุกอีใส และงูสวัด 5. มีอาการอักเสบ บวด แดง ร้อน 6. กระดูกแตก หัก ปริ ร้าว ที่ยังไม่ติด 7. ผู้ที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุใหม่ ๆ
ส่วนข้อควรระวังในการนวด มีหลัก ๆ คือ 1. สตรีมีครรภ์ สตรีมีประจำเดือน ไม่ควรนวดแผนไทยเพราะอาจมีการกระทบกระเทือนต่อการตั้งครรภ์อาจจะแท้งได้ ส่วนสตรีมีประจำเดือนควรหลีกเลี่ยงการนวดไทยเช่นกัน เพราะการนวดอาจทำให้เลือดลมภายในแปรปรวน อาจเป็นไข้ทับระดูได้ 2. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ควรหลีกเลี่ยงการนวด เพราะการนวดจะทำให้ความดันพุ่งขึ้นสูงจนอาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตกได้ 3. ผู้ป่วยโรคกระดูก ทั้งกระดูกพรุน กระดูกบาง หรือสภาวะข้อต่อหลวม ไม่ควรนวดแผนไทยเพราะอาจทำให้กระดูกหักได้ 4. ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ไขสันหลัง หรือหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ไม่ควรนวดไทยเพราะอาจทำให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง และอันตรายถึงชีวิต ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านดีกว่า
หมายเหตุ: หากคุณมีปัญหาด้านสุขภาพหรือโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจนวด ว่าสามารถทำได้หรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง
หากคุณอยากลองนวดวัดโพธิ์ก็สามารถไปได้ง่าย ๆ ซึ่งวัดโพธิ์อยู่ห่างจากโรงแรมไอบิส สไตล์ กรุงเทพ ข้าวสาร เวียงใต้ ราว 2 กิโลเมตร อีกทั้งมีตัวเลือกในการเดินทางอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนั่งตุ๊กตุ๊กชมวิวเกาะรัตนโกสินทร์ แท็กซี่ นั่งเรือเจ้าพระยา เช่าจักรยาน หรือแม้กระทั่งเดินชมบรรยากาศเมืองเก่ากรุงเทพก็ได้ หากคุณเน้นสะดวก…การมาด้วย MRT ลงสถานีสนามไชยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะสถานีแห่งนี้ห่างจากวัดโพธิ์เพียง 500 เมตรเท่านั้น